Powered By Blogger

วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2554

การออกแบบโปสเตอร์

โปสเตอร์(Poster) หมายถึง สิ่งพิมพ์ที่ ที่เป็นแผ่นเดียวมีขนาดใหญ่หรือเล็กแล้วแต่ผู้จัดทำ ใช้ติดตามสถานที่ต่างๆ ในแนวตั้ง เช่น ผนัง ตู้กระจก เสาไฟฟ้า ฯลฯ มีเนื้อหาสาระเพื่อการโฆษณา ประชาสัมพันธ์สินค้าหรือการบริการหรืองานอื่นๆ ที่ต้องการเรียกร้องความสนใจส่วนใหญ่แล้วมักนำเสนอเพียงแนวความคิดเดียวเป็นหลักใหญ่

ประโยชน์ของโปสเตอร์
  1. โดยส่วนมากจะเป็นเครื่องมือในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นโฆษณาสินค้า/บริการงานต่างๆ งานดนตรี ภาพยนต์
  2. เพื่อใช้ในการศึกษานำเสนอสาระใดสาระหนึ่ง
  3. เพื่อเป็นการสอนอธิบายเรื่องราวต่างๆ
  4. นำเสนอผลงานททางวิชาการ
ลักษณะของภาพโปสเตอร์ที่ดี
  1. รูปบบต้องสอดคล้องกับเนื้อหาและกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้
  2. มีลักษณะ เด่นชัด มองเห็นสะดุดตา
  3. ข้อความนั้นต้องสั้น กระชับได้ใจความ
  4. รูปภาพเร้าความสนใจ ชวนติดตาม
  5. มีการสื่อความกมายได้ตามวัตถุประสงค์
  6. แสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์
  7. มีขนาดใหญ่พอที่จะมองเห็นได้ในระยะไกล
  8. ในเรื่องการนำเสนอต้องมีข้อมูลเพีนงเรื่องเดียวและที่สำคัญตรงประเด็น
ส่วนประกอบของโปสเตอร์
  1. ข้อความพาดหัว
  2. รายละเอียด
  3. รูปภาพประกอบ
  4. คำขวัญ/สโลแกนเพื่องจูงใจ/ข้อความลงท้าย
  5. โลโก้ของหน่วยงานเจ้าของโปสเตอร์
ขั้นตอนการออกแบบโปสเตอร์
  1. ศึกษารายละเอียดและวิเคราะห์ข้อมูลที่เป็นที่ต้องการสื่อสาร
  2. นำข้อมูลที่ต้องการสื่อสารมาออกแบบร่าง
  3. เลือกรูปแบบและการวางผัง(Layout)ที่เหมาะสมกับงาน
  4. ทำการวางแบเลย์เอ้าท์นำส่วนประกอบต่างๆมาลองวางในกระดาษ เพื่อดูว่ามีมากพอหรือไม่ ต้องการเพิ่มเติมส่วนใด หรือต้องตัดอะไรออก ดูความเข้ากันของส่วนประกอบทั้งหมดโดยใช้องค์ประกอบทั้งหมดโดยใช้องค็ประกอบศิลปะช่วยในการจัด
  5. กำหนดลักษณะของส่วนประกอบต่างๆของงานที่เหมาะสม เช่น แบบ ขนาดของตัวอักษรที่ใช้ในส่วนต่างๆของเนื้อหา
  6. การทำต้นฉบับเหมือนพิมพ์ อาร์ตเวิร์ค(Artwork)นำแบบร่างที่ลงตัวถูกต้องแล้ว มาทำให้เป็นขนาดเท่าของจริง ทั้งภาพและตัวอักษร ช่องไฟ และงานกราฟิกทุกอย่าง ซึ่งปัจจุบันจะใช้โปรแกรมจัดทำอาร์ตเวิร์ค เช่น Adobe Indesign,Illustratorเป็นต้น
  7. ทำการตรวจทาน ดูความถูกต้องของภาษา ความเหมาะสมของรูปภาพ และการจัดวาง
  8. แก้ไขรายละเอียดและปรับแต่งขั้นสุดท้าย นำส่งโรงพิมพ์เพื่อทำการจัดพิมพ์ต่อไป
หลักการออกแบบโปสเตอร์
  1. ตัวอักษรต้องตัดกับพื้นหลัง
  2. ไม่ควรใส่ข้อความแน่นหรือมีจำนวนมากเกินไป
  3. ควรคำนึงถึงหลักทฤษฎีสีและศิลปะในการออกแบบ
  4. ควรเว้นระยะขอบประมาณ0.5 ซ.ม.
  5. ภาพให้เหมาะสมกับเนื้อหา
ข้อมูลในการผลิตงานพิมพ์โปสเตอร์
  1. รูปแบบและรายละเอียดของงานพิมพ์โปสเตอร์ งานพิมพ์โปสเตอร์จะมีรูปร่างเป็นกระดาษแผ่นเดียว กระดาษที่ใช้ไม่หนามาก การพิมพ์บนโปสเตอรืจะมีที่พิมพ์เพียงด้านเดียว
  2. ขนาดของงานพิมพ์โปสเตอร์
    ขนาด 15”x 21”, 10.25”x 15”17”x 23.5”(A2), 11.75”x 17”(A3), 8.25”x 11.75”(A4)สำหรับขนาดอื่นที่มิได้กล่าวไว้ อาจทำให้มีการเสียเศษแผ่น
  3. กระดาษที่ใช้สำหรับงานพิมพ์โปสเตอร์
    กระดาษปอนด์ 100 แกรมขึ้นไป
    กระดาษอาร์ตมัน/ด้าน 120 แกรมขึ้นไป
  4. การพิมพ์และตกแต่งผิวบนของงานพิมพ์โปสเตอร์
    มีการพิมพ์โปสเตอร์แบบ 1 สี 2 สี 3 สี 4 สี หรือมากกว่า จะใช้แม่สี 4 สี (CMYK) หรือสีพิเศษก็ได้มักพิมพ์ด้วยระบบออฟเซ็ท ระบบอิ้งค์เจ็ทหรือระบบดิจิตอล พิมพ์หน้าเดียวสามารถพิมพ์โปสเตอร์เคลือบUV เคลือบพลาสติกเงา หรือเคลือบพลาสติกด้าน เคลือบ Spot UV ปั๊มนูน (Embossing) ปั๊มทองหรือฟิล์ม/ฟอยล์สีต่าง ๆ (Hot Stam)
  5. เพิ่มเติมสำหรับงานพิมพ์โปสเตอร์สามารถทำการปั๊มไดคัท (Die-cut) เป็นรูปต่างๆขึ้นอยู่กับการออกแบบ
  6. การปรู๊ฟงานพิมพ์โปสเตอร์จากโรงพิมพ์ฯปรู๊ฟจาก Computer Printer หรือผ่าน Fax สำหรับงานสีเดียว หรือ สองสีควรปรู๊ฟแบบ Digital Proof หรือ ปรู๊ฟจากแท่นปรู๊ฟหากเน้นเรื่องสีสันซึ่งจะถูกนำมาใช้เปรียบเทียบกับงานพิมพ์จริง
  7. ระยะเวลาการผลิตงานพิมพ์โปสเตอร์สำหรับโรงพิมพ์ฯส่งมอบภายใน 3 – 5 วันหลังจากลูกค้าอนุมัติปรู๊ฟแล้ว

วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2554

" สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๕ "


 การใช้โปรแกรม Windows Movie Maker

  1. เข้าไปที่ Manu Star
  2. เลือกไปที่ Program File
  3. เลือกที่โปรแกรม Windows Movie Maker
  4. เลือกภาพที่ต้องการจตัดต่อ โดยเลือกที่ Manu Import Pictures
  5. เลือไปยัง File ที่จัดเก็บรูปภาพไว้
  6. จะปรากฎ File ต่างๆ ที่จัดเก็บไว้
  7. เลือก File รูปภาพที่ต้องการตัดต่อ
  8. เลือก Import
  9. จากนั้นให้เลือกภาพที่ต้องการตัดต่อมาว่างที่ Show storyboard โดยรูปภาพที่ต้องการตัดต่อนั้นให้ว่างตรงช่อง Video โดยการใช้เม้าล์คลิกแช่ไว้ตรงรูปภาพที่ต้องการแล้วลากลงมาตรงช่อง Video
  10. วิธีการเพิ่ม Video Effects ในภาพที่ต้องการตัดต่อ โดยการคลิกเม้าด้านซ้ายมือตรงภาพที่เลือกที่จะตัดต่อ จะมี Manu ปรากฎขึ้นให้เลือก จากนั้นให้เลือก Video Effects
  11. หลังจากที่เลือก Video Effects บนหน้าจอจะโชว์ Effects ให้เลือก คลิกเลือก Effects ที่ต้องการ แล้วกด Add ตอบ OK  
  12. วิธีการใส่ Video Transitions ระหว่างภาพที่ต้องการตัดต่อ โดยการเลือกที่ Video Transition บนหน้าจอ
  13. จากนั้นหน้าจอปรากฎ Transitions ให้เลือก เลือก Transitions ที่ต้องการ ให้เม้าล์คลิกแช่ตรง Transitions ที่ต้องการแล้วลากไปวางระหว่างภาพที่จะตัดต่อ
  14. การ Import audio or music (การลงเพลง) โดยการเลือกไปที่ Manu Import audio or music จากนั้น เลือก ไดร์ที่จัดเก็บ Flie เพลง ตรง Lock In เลือก โรสำ เพลงที่ต้องแล้วเลือก Inport
  15. ใช้เม้าส์คลิกลากเพลงที่ต้องการมาวางตรงช่อง Audio Music
  16. วิธีการแทรกข้อความบนภาพที่ต้องการตัดต่อโดยการ เลือกที่  Manu titles or cardits


วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

หลักการออกแบบดิจิทัลด้วยสื่อวีดิทัศน์เพื่อการนำเสนอ

หนังสั้น คือ เรื่องที่เสนอทั้งภาพและเสียง และในระยะเวลาอันจำกัดประมาณ 5-10นาที โดยสะท้อนเรื่องราวสาระที่เกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็ว

กระบวนการคิด  -เล่าเพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
                                       -เล่าเพราะเห็นเจอมา
                                       -เล่าเพราะจินตนาการ
จากโครงเรื่องเดิมสู่การเป็นบท
ยึดหลัก3องค์ประกอบ
  1. องค์แรก  คือ การปูเรื่อง จนเกิดเหตุการณ์พลิกผันกับตัวละคร
  2. องค์สอง คือ ส่วนกลางเรื่อง เล่าเรื่องปูไปสุดจุดหักเหอีกครั้งก่อนจะเข้าสู่ Climax (ช่วงจบ)
  3. องค์สาม คือ บทสรุปของเรื่อง
ขั้นตอนการผลิตสื่อวีดิทัศน์
  1. ขั้นเตรียมการผลิต
  2. ขั้นตอนการผลิต
    -สำรวจความต้องการและวิเคราะห์
    -วิเคราะห์เนื้อหาและกำหนดเรื่อง
    -เขียนบทวีดิทัศน์
    -วางแผนการถ่ายทำ
  3. ขั้นตอนการผลิต คือ ขั้นการตัดต่อลำดับภาพในขั้นนี้ถือว่าเป็นสุดท้ายของการผลิต
  4. ขั้นประเมิณผล คือ ต้องำไปใช้แล้วกลับมาปรับปรุงแก้ไขตามที่เห็นสมควร
  5. ขั้นเผยแพร่




                      

วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554

จิตวิทยาสีการออกแบบและการนำเสนอ & องค์ประกอบในการออกแบบสื่อสร้างสรรค์

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสี
  • แม่สีหรือสีขั้นต้น ทั้งสามประกอบด้วย สีแดง,เหลือง,น้ำเงิน เหตุที่ทั้งสามนี้ถือว่าเป็นแม่สีหลัก เพราะว่าสีทั้งสามเป็นสีไม่สามารถเกิดขึ้นจากการผสมสีอื่นๆ และยังเป็นสีต้นกำเนิดของสีอื่นๆ

การผสมสี(Color MixingX
รูปแบบการผสมเพื่อให้เกิดเป็นสีต่างๆ สามารถแบ่งได้ 2 แบบ
  • การผสมสีของแสง หรือการผสมสีแบบบวก
  • การผสมของแสงขแงวัตถุ หรือการผสมแบบลบ
การผสมสีแบบบวก  เป็นสิ่งที่ค่อนข้างยากในการทำงานความเข้าใจ การผสมสีของแสง ไม่ใช้การผสมของวัตถุมีสีบนกระดาษ แสงสีขาวประกอบด้วยลำแสง ที่มีสีต่างๆตามความยาวคลื่นแสง พื้นฐานได้แก่สีแดง เหลืองหรือน้ำเงินอย่างที่เข้าใจมาก่อน

ชุดสีร้อน(Warm Color Scheme)
ชุดสีร้อนประกอบด้วยสีม่วง แดง แกมม่วง แดง ส้ม เหลือง และสีเขียวอมเหลือง สีเหล่านี้สร้างความรู้สึกอบอุ่น สบายและความรู้สึกต้อนรับช่วยถึงดูดความสนใจได้ง่าย
ชุดสีเย็น(Cool Color Scheme)
ชุดสีเย็นประกอบด้วยสีม่วง น้ำเงิน น้ำเงินอ่อน ฟ้า น้ำเงินแกรมเขียว และสีเขียว ตรงกันข้ามกับชุดสีร้อน ชุดสีเย็นให้ความรู้สึกสบาย

ชุดสีที่คล้ายคลึงกัน(Analogues Color Scheme)
ชุดสีที่รูปแบบอย่างง่ายอีกแบบ ก็คือชุดสีที่คล้ายคลึงกัน ประกอบด้วยสี 2 หรือ 3 สีที่อยู่ติดกันในวงล้อสี เช่น สีแดงแกรมม่วง สีแดง และสีส้ม
 การใช้สีตามหลักการใช้สี
  • การใช้สีเพื่อให้สีแต่ละสีประสานกลมกลืนกัน
  • การใช้สีเพื่อให้แต่ละสีประสานส่งเสริมซึ่งกัน
วรรณเย็น(Cool Tone)
ถ้าเรียงลำดับของสีตั้งแต่ สีเขียวเหลือง เวียนมาทางขวาซึ่งประกอบด้วย
  1. สีเขียวเหลือง
  2. สีเขียว
  3. สีเขียวน้ำเงิน  
  4. สีน้ำเงิน
  5. สีม่วงน้ำเงิน
  6. สีม่วง
 หลักการใช้สีแบบ2วรรณะเดียว
  1. การใช้สีแบบวรรณะเดียว
  2. การใช้สีวรรณะเดียวแต่มีการนำอีกวรรณะมารวมกัน
                 องค์ประกอบในการออกแบบสื่อสร้างสรรค์
  • จุด(Point) เป็นจุดที่ชี้ให้เห็น ตำแหน่งในที่ว่าง หรือที่ต่างๆ ไม่มีความกว้าง ความยาว ความลึก จุดให้ความรู้สึกคงที่ ไม่มีทิศทาง ไม่ครอบคลุมพื้นที่ จุดจะเกิดอยู่ในบริเวณต่างๆ
  • เส้น(Line) เส้นเกิดจากการนำจุดหลายๆจุดมาเรียงต่อกัน หรือเกิดจากจุดเคลื่อนที่ เส้นทางที่จุดเคลื่อนที่ไปคือ เส้น มีความยาว ไม่มีความกว้าง หรือความหนามาก การกำหนดทิศทางของเส้นในแนวที่ต่างกันจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน
เส้นตั้ง(Vertical Line) ให้ความรู้สึกสูงสง่า แข็งแรง มั่งคง ถ้าสูงมากๆ ก็จะให้ความรู้สึกไม่ปลอดภัย แต่จะบอกความเติบโต
เส้นนอน(Hotizontal Line) ให้ความรู้สึกสงบ ราบเรียบ แน่นนอน มั่นคง ปลอดภัย ความนิ่ง พักผ่อนเป็นธรรมชาติ
เส้นเฉียง(Oblique Line) ให้ความรู้สึกไม่มั่นคง ไม่ปลอดภัย ตื่นเต้น สนุกสนานแสดงการเคลื่อนที่ ไม่อยู่นิ่ง
  • ทิศทาง(Direction) ลักษณะที่แสดงให้รู้ว่ารูปแบบทั้งหมดมีแนวโน้มไปทางใด ทำให้ผู้พบเห็นเกิดความรู้สึกว่า มีการเคลื่อนไหว(Movement) นำไปสู่จุดสนใจ
  • รูปทรง(Form) เกิดจากระนาบที่ปิดล้อมกันทำให้เกิดปริมาตร(Volume)มี3มิติ คือ ความกว้าง ความยาว และความสูง แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ รูปทรงเรขาคณิตและรูปทรงธรรมชาติ
เทคนิคการกลับพื้นภาพมีผลต่อสายตาผู้ดู
จาการออกแบบกลับพื้นที่ภาพ ทำให้เกิดการสร้างสรรค์งาน เป้นสัญญาลักษณ์(Logo) และเป็นที่นิยม เพราะมีความแปลกใหม่ น่าสนใจนอกนี้ยังมีผลของการมองเห็นว่า ภาพสีขาวที่อยู่ในพื้นที่สีดำ จะทำให้ดูโตขึ้น10-15%
  • ขนาดและสัดส่วน(Size & Scale)
ขนาด(Size) คือ การเปรียบเทียบรูปร่างหรือรูปทรง การวัดสัดส่วน ระยะหรือขอบเขต
สัดส่วน(Scale) คือ ความเหมาะสมของสิ่งของตั้งแต่ 2 สิ่งขึ้นไป มีความสัมพันธ์กัน
  • วัสดุและพื้นผิว(Material & Texture)
วัสดุ  คือ  วัตถุดิบที่จะนำมาใช้ในการออกแบบ  โดยเลือความเหมาะสมตรงตามลักษณะของงาน  ทำลงบนกระดาษวาดเขียน  อาจเป็นรูปลอกลวดลายต่างๆแบบทึบแสง ถ้าทำลงบนแผ่นโปร่งใสก็ใช้รูปหรือตัวอักษรลอกแบบสีโปร่งแสง  เป็นต้น
  •  พื้นผิว(Texture)
พื้นผิว ลักษณะที่เกิดจาก โครงสร้างของวัติถุ อาจนำวัตถุดิบหลายๆอย่างมาสร้างให้เกิดพื้นผิวใหม่ หรือแสดงความรู้สึกในการแยก จำแนกความเรียบความขรุขระ ความแตกต่างของพื้นผิวในทางกราฟิกสามารถแยกออกได้ด้วยประสาทสัมผัส ทางตาเป็นส่วนใหญ่ พื้นผิวที่แตกต่างกันจะทำให้รู้สึกต่างกัน
ผิวขรุขระ ให้ความรู้สึกปลอดภัย มั่งคง แข็งแรง สาก สะดุด หยาบ ระคายเคือง ในบางสถานะทำให้ดูเล็กกว่าความจริง
ผิวเรียบมัน  ให้ความรู้สึกไม่มั่นคง ลื่น หรูหรา วาบหวาม สดใส แสงสะท้อน ในบางสถานะทำให้ดูใหญ่กว่าปกติ
  • ระนาบ(Plane) คือ เส้นที่ขยายออกไปในทางเดียวกัน จนเกิดเป็นพื้นมันขึ้นมา
 การจัดองค์ประกอบ
 1.ความสมดุล (Balance)         2.การเน้นให้เกิด (Emphasis)   3.เอกภาพ (Unity)  4.ความกลมกลืน (Harmony)  5.ความขัดแย้ง (Contrast)       6.จังหวะ (Rhythm)
 7.ความง่าย (Simplicity)         8.ความลึก (Perspective)

วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2554

การออกแบบและการนำเสนอด้วย Power Point








หัวข้อของการนำเสนอ
  • สื่อการนำเสนอผลงาน
  • ทำไมต้อง Power Point
  • การจัดวางรูปแบบกรอบเนื้อหา
  • การออกแบบกรอบนำเสนอ  
  • การเตรียมตัวนำเสนอ
  • สรุป    
    สื่อการนำเสนอ
  • กระดานขาว หรือดำ
  • แผ่นใส
  • สไลด์ 35 มม.
  • คอมพิวเตอร์ (Power Point)
  • Visualizer
ขบวนการผลิตสื่อ Power Point


ส่วนประกอบในสไลด์
  • แผ่นสไลด์  
  • ตัวอักษร
  • ภาพประกอบ
  • กราฟ
  • Flow Chart
  • ตาราง
  • ภาพเคลื่อนไหว
  • เสียง
การวางรูปแบบของสไลด์
  • ใช้รูปแบบ Slide 35mm
  • วางแนวนอน
  • ใข้ Templates ที่มีในโปรแกรม
  • เว้นขอบทั้ง 4 ด้านให้ว่าง ~0.5นิ้ว
  • เนื้อหาจัดอยู่กลางสไลด์
การใช้ตัวอักษรประกอบ
  • ใช้ข้อความแทนประโยค
  • มีข้อมูลมาก ครวจัดให้เป็นหัวข้อ
  • ใช้ Key word  เพื่อเพิ่มจุดสนใจ
การใช้ภาพประกอบ
  • ภาพที่ใช้ต้องช่วยเสริมข้อความที่เสนอ
  • ไม่ควรมีอักษรในภาพถ้าไม่จำเป็น
  • ตัวอักษรที่ใช้คสรให้เงาเพื่อเพิ่มความคมชัด
  • ลดสิ่งที่ทำให้เกิดความยุ่งเหยิง
  • ภาพที่ใช้อาจทำให้ขนาดขของแฟ้มข้อมูลใหญ่เกินไป
แนวทางการออกแบบ Power Point
  • สื่อถึงเนื้อหาที่นำเสนอ
  • หนึ่งสไล์ต่อหนึ่งความคิด
  • ชัดเจนและสะดวกต่อการอ่าน
  • ความสมดุลและคงเส้นคงวา
  • ใช้ภาพประกอบเมื่อจำเป็น
ส่วนประกอบการออกแบบ Power Point
  1. Introduction ได้แก่ ชื่อเรื่อง/ชื่อผู้นำเสนอ/หน่วยงาน
  2. ลำดับหัวข้อในการนำเสนอ
  3. เนื้อหาตามลำดับหัวข้อ
  4. บทสรุปการนำเสนอ